การแข่งขันที่สูงขึ้น บวกกับค่าใช้จ่ายในการตลาดที่จำกัด การทำ Co-branding เป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่จะช่วยให้รพ.สัตว์ สามารถเข้าถึงฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ ๆ ได้ และได้ประโยชน์ร่วมกันทั้งตัวบริษัทเองและลูกค้า เรามาดูกันก่อนครับว่า Co-branding คืออะไร และเราควรเลือก brand partner แบบไหน
Co-branding คืออะไร
Co-branding คือการร่วมมือกันระหว่างแบรนด์ เพื่อเพิ่มการรับรู้ของแบรนด์ไปสู่ฐานลูกค้าของอีกแบรนด์หนึ่ง หรือเป็นการเพิ่มคุณค่า หรือประสบการณ์ใหม่ให้กับลูกค้าครับ เช่น อาจจะเป็นการทำแคมเปญร่วมกัน การออกสินค้า Co-branding ร่วมกัน เช่น มันฝรั่งทอดกรอบ Herr’s กับซอสมะเขือเทศ Heinz ร่วมกันออกสินค้ามันฝรั่งทอดรสซอสมะเขือเทศด้วยกัน หรืออีกตัวอย่าง โทรศัพท์มือถือ Huawei กับกล้องถ่ายรูป Leica และมือถืออย่าง Apple ได้ร่วมมือกับ MasterCard เป็นต้น
ข้อดีของการทำ Co-branding
1. Co-branding จะช่วยขยายฐานลูกค้าจากแบรนด์หนึ่งไปอีกแบรนด์ได้ ทั้งคู่จะได้กลุ่มเป้าหมายที่หลากหลายและขยายฐานกลุ่มลูกค้าใหม่ได้ใหญ่ขึ้น
2. สามารถสร้างกระแสในตลาดได้เป็นอย่างดี รวมทั้งสามารถสร้างมูลค่าเพิ่ม หรือประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้ลูกค้า
3. Co-branding จะช่วยประหยัดต้นทุนทางการตลาด เมื่อเทียบกับการที่แบรนด์ดำเนินการกันเอง เพราะทั้งสองแบรนด์มีการใช้ทรัพยากรต่าง ๆ ร่วมกันได้
วิธีการเลือก Brand partner
1. ต้องเลือกแบรนด์ที่มีวิสัยทัศน์ อุดมการณ์ ความเชื่อที่ไปในแนวทางเดียวกัน เช่น ถ้ารพ. ของคุณเชื่อว่า ต้องดูแลสัตว์เลี้ยงให้มีสุขภาพที่ดี สมบูรณ์ทั้งร่างกายและจิตใจ ดังนั้นแบรนด์ที่จะมาเป็น Partner ควรจะต้องมีความเชื่อในสิ่งเดียวกันด้วยเช่นกันครับ
2. เป็นแบรนด์ที่มีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายเดียวกัน หรือคล้ายกัน เพื่อทำให้เกิดการต่อยอดด้านการขยายฐานลูกค้าได้
3. สิ่งที่สำคัญที่สุดครับในการทำ Co-branding ก็คือ เราจะต้องดูว่า ลูกค้าของทั้งสองแบรนด์จะได้ประโยชน์อะไร หรือเกิดมูลค่าเพิ่มอะไรให้ลูกค้าบ้าง
โดยสรุปนะครับ การทำ Co-branding เป็นกลยุทธ์ที่น่าสนใจ และมากำลังมาแรงในยุคปัจจุบัน รพ.สัตว์ ของคุณจะทำ Co-branding ไม่ว่ากับผู้ให้บริการรายอื่น หรือเป็นแบรนด์สินค้าอื่น ๆ ก็สามารถทำได้ เพราะจะยิ่งช่วยขยายฐานลูกค้าของเราให้กว้างมากขึ้นได้อีกครับ