ปรสิตภายนอกของสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะอย่างยิ่งในแมวสามารถพบได้ตลอดเวลา เนื่องจากสภาพอากาศในประเทศไทยจะค่อนข้างร้อน และมีความชื้นสูงทั้งปี แมวที่ขาดการดูแลเอาใจใส่จากเจ้าของ หรือแมวที่ไม่มีเจ้าของก็มีโอกาสเป็นแหล่งสะสมของปรสิตภายนอกได้อีกด้วย จึงจะเป็นสาเหตุที่ยังคงมีปรสิตภายนอกในสิ่งแวดล้อมได้ตลอดเวลา อาการทั่วไปของแมวที่มีปรสิตภายนอก ได้แก่ ขนร่วงเป็นหย่อม ๆ จากการเลียขนมากเกินไป มีอาการคันตามตัว ใช้เท้าเกามากกว่าปกติ มีรอยโรคพวกผื่นแพ้ด้วยหรือไม่ เป็นต้น ซึ่งควรจะต้องวินิจฉัยแยกแยะออกจากโรคอื่น ๆ ที่ไม่ใช่ปรสิตภายนอกก่อน เช่น เชื้อราที่ผิวหนัง ผื่นจากภูมิแพ้ การแพ้อาหาร ปัญหาจากฮอร์โมนไม่สมดุล เป็นต้น
ปรสิตภายนอกที่พบในแมว
1. หมัด (fleas) พบได้บ่อยในแมว ซึ่งจะติดได้ง่ายจากแมวตัวหนึ่งสู่แมวอีกตัวหนึ่ง หรือจากสัตว์เลี้ยงอื่น ๆ เช่น Ctenocephalides felis (แมว) C.canis (สุนัข) Archaeopsylla erinacei (“hedgehog flea” จากเม่นแคระ) เป็นต้น นอกจากนี้หมัดในสิ่งแวดล้อมก็สามารถกระโดดขึ้นมาบนตัวแมวได้เช่นกัน
2. เห็บ (ticks) เช่น Ixodes ricinus สามารถพบได้สิ่งแวดล้อมที่มีต้นไม้ พุ่มไม้ หรือสนามหญ้า เมื่อแมวเดินผ่านก็มีโอกาสที่เกาะตามขนแมวและดูดเลือดได้ แต่เห็บนั้นจะไม่มีการติดต่อจากแมวสู่แมว หรือสู่สัตว์อื่น ๆ
3. ไร (mites) มักจะพบได้ทั้งไรชนิดที่ขุดโพรง (burrowing mite) และไรชนิดที่ไม่ขุดโพรง (non-burrowing mite) ไรที่พบได้บ่อยในแมว ได้แก่ Demodex cati, Sarcoptes scabiei, Notoedres cati และ Lynxacarus radovskyi เป็นไรชนิดที่ขุดโพรง ส่วน Otodectes cynotis และ Cheyletiella blakei นั้นเป็นไรชนิดที่ไม่ขุดโพรง พบได้ภายในช่องหู
- Demodex cati และ D.gatoi สามารถพบได้ตั้งแต่ลูกแมวแรกเกิด โดยติดมาจากแม่แมว อาการทางคลินิกจะไม่ค่อยพบ แต่เมื่อภูมิคุ้มกันของร่างกายลดลงจะสามารถพบอาการของโรคได้
- Sarcoptes scabiei สามารถติดแมวสู่แมวได้ทาง direct contact แมวจะมีอาการทางคลินิกและ รอยโรคที่ชัดเจน คือ มีผื่นแดงคันเป็นสะเก็ด (crust and scales) ที่ขอบใบหู และตามใบหน้า ส่วน Notoedres cati มีความใกล้เคียงกัน สามารถติดต่อได้โดยทั้ง direct หรือ indirect contact ซึ่งจะติดได้ง่ายในแมวที่เลี้ยงหลายตัว หรือในลูกแมว
- Cheyletiella blakei เป็นไรที่ติดได้ง่ายแบบ direct contact มักพบในแมวที่ร่างกายอ่อนแอ จะมีโอกาสติดไรชนิดนี้ได้ง่าย
- Otodectes cynotis ไรในหู มักพบในช่องหูชั้นนอกของแมว ทำให้มีขี้หูสีน้ำตาล เหนียว ๆ ซึ่งจะทำให้แมวมีการคันหู ช่องหูบวมแดง เกาจนหลังหูเป็นแผล
4. เหา (lice) ในแมวคือ Felicola subrostratus สามารถติดแบบ direct contact หรือจากสิ่งแวดล้อม อุปกรณ์ต่างๆ เช่น ที่นอนแมว แปรงขนแมว เป็นต้น แมวจะมีอาการคันมาก เกามาก และขนร่วงเป็นหย่อม ๆ สามารถตรวจพบไข่ของเหาได้ตามเส้นขน ด้วยวิธี Trichograms
การป้องกันหรือรักษาปรสิตภายนอกในแมวได้อย่างไร
การกำจัดปรสิตภายนอกนั้น อาจจะต้องใช้หลายวิธีการรวม ๆ กัน ตั้งแต่การทำความสะอาดสิ่งแวดล้อมที่อาศัยอยู่ หรือการจำกัดเบื้องต้น เช่น การหวี สางขนเพื่อนำปรสิตภายนอกออก เช่น เหา ไข่เหา เป็นต้น นอกจากนี้ สามารถใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นแบบอาบทั้งตัว การฉีดยาใต้ผิวหนัง ยากิน สเปรย์พ่น หยดหลัง (spot-on) หรือปลอกคอกำจัดหมัดที่มีส่วนผสมของยา หรือสารออกฤทธิ์กำจัดปรสิตภายนอก
การสเปรย์พ่นสารเคมีบนตัวสัตว์ หรือใช้อาบทั้งตัว เช่น 2% lime sulphur โดยอาบให้แมวทุก 1-3 สัปดาห์แล้วล้างออก แต่อย่างไรก็ตามการอาบให้แมวทั้งตัวเป็นสิ่งที่ปฏิบัติได้ยาก การออกฤทธิ์ของยาประเภทนี้จะทำให้ปรสิตภายนอกได้รับสารเคมีและตายในทันที แต่ต้องระวังเรื่องความเป็นพิษของสารเคมีที่อาจเกิดขึ้นเนื่องจากแมวอาจเลียเอาสารเคมีเข้าไป ซึ่งจะต้องใส่ปลอกคอกันเลีย (E-collar) ให้กับสัตว์จนกว่าสารเคมีจะแห้งไป
การให้ ivermectin ขนาด 0.2-0.3 mg/kg แบบให้รับประทานทุก ๆ 24-48 ชั่วโมง ก็สามารถป้องกันได้ แต่ตัวยาชนิดนี้เป็น ยาที่ห้ามใช้นอกเหนือจากฉลากยา (Extra label use) ที่ไม่ได้แนะนำให้ใช้ในแมว หากใช้ควรใช้ด้วยความระมัดระวัง หรือเริ่มต้นที่ขนาดต่ำ ๆ ก่อน และมีโอกาสเสี่ยงมีอาการทางระบบประสาท (neurotoxicity) ซึ่งเป็นผลข้างเคียงจากยาได้ง่าย
สำหรับสารเคมีในรูปแบบหยดหลัง (spot-on) สารเคมีจะไม่ออกฤทธิ์ให้เห็นในทันที จำเป็นต้องใช้เวลาประมาณ 24 - 48 ชั่วโมง จึงจะเริ่มพบการตายของปรสิตภายนอก ตัวยามีหลายชนิด ได้แก่ fipronil, imidacloprid/moxidectin หรือยาในกลุ่ม avermectin เช่น selamectin, eprimectin ที่มีความปลอดภัยมากกว่า ivermectin
ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ของยากำจัดปรสิตภายนอกในรูปแบบกว่าหยอดหลัง (spot-on) มีความสะดวกในการเลือกใช้มากขึ้น เพราะมีการคำนวณประมาณยาที่เหมาะสมกับน้ำหนักตัวของแมว ใช้ได้ง่าย รวมทั้งผลิตภัณฑ์ในปัจจุบันได้มีการพัฒนา นำยาหลายชนิดมาใช้ร่วมกันเพื่อให้ออกฤทธิ์ทำงาน ได้ครอบคลุมกับปรสิตภายนอกหลายชนิดมากขึ้น เช่น fipronil กับ (S)-methoprene เพื่อป้องกันหมัดระยะตัวอ่อน หรือ fipronil กับ eprimectin ซึ่งยาในกลุ่ม avermectin นั้นก็ยังมีฤทธิ์ในการป้องกันปรสิตภายในชนิดตัวกลม (nematodes) ด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ ยังมีการรวมกับยาที่สามารถป้องกันปรสิตภายใน เช่น praziquantel เพื่อป้องกันพยาธิตืด (cestodes) ยาป้องกันหมัดแบบชนิดกิน สามารถป้องกันหมัดในระยะต่าง ๆ (ไข่ ตัวอ่อนระยะ larvae ตัวอ่อนระยะ pupae) ได้ด้วย เช่น milbemycin oxime, lufenuron และ (S)-methoprene เป็นต้น
ปลอกคอที่มียากำจัดหมัดก็สามารถใช้ได้ดีในแมว บางชนิดมีตัวยาในกลุ่ม pyrethroid เช่น flumethrin ซึ่งอาจใช้ร่วมกับยา Imidacloprid เพื่อเพิ่มประสิทธิการป้องกันมากขึ้น ส่วนการกำจัดปรสิตภายนอกในสิ่งแวดล้อมหรือบ้านเรือนนั้น ยังเป็นสิ่งที่สำคัญมาก สามารถทำได้หลายวิธี เช่น การใช้ความร้อน และการใช้สารเคมี สารเคมีเหล่านี้ ได้แก่ amitraz, fipronil, imidacloprid, flumethrin และ permetrin ก็เป็นวิธีการที่ช่วยปรสิตภายนอกในสิ่งแวดล้อมอีกด้วย
รูปที่ 1: Demodex gatoi
รูปที่ 2 : ไข่เหาที่สามารถพบได้ตามเส้นขนของแมว
อ้างอิงข้อมูล :
- 1. Griffiths, K. (2016) How I Approach...Overgrooming in cats. Veterinary Focus. Vol 26 n°2. P32–39.
- 2. Willows Information Sheets. Ectoparasites (Fleas and Other Skin Parasites) In Cats. Willows Veterinary Centre And Referral Service. www.willows.uk.net
- 3. Control of Ectoparasites in Dogs and Cats. ESCCAP Guideline 03 Sixth Edition – March 2018. pp33