ปัจจุบันจำนวนประชากรแมว และจำนวนผู้เลี้ยงแมว มีอัตราการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยจำนวนผู้เลี้ยงแมวได้ทะลุมากกว่า 70 ล้านคนในประเทศสหรัฐอเมริกา และแคนาดา การเลี้ยงแมวอย่างมากขึ้นนี้ ส่งผลให้ความต้องการได้รับการจัดการอย่างถูกต้องจากสัตวแพทย์มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตาม ครั้งหนึ่งในชีวิตของแมวจะต้องพบกับหัตถการทางสัตวแพทย์ เช่น การทำหมัน หรือการผ่าตัดต่างๆเพื่อทำการรักษาโรค ดังนั้นการจัดการความปวด (pain management) จึงเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ การเจ็บปวดของแมวแบ่งได้หลักๆ 2 แบบ คือ การปวดอย่างเฉียบพลัน (acute pain) และการปวดเรื้อรัง (chronic pain) ซึ่งยาที่นำมาจัดการกับความเจ็บปวดทั้ง 2 แบบนี้ หลักๆคือ กลุ่ม opioids และกลุ่ม non-steroidal anti-inflammatory drugs (NSAIDs)
ยาในกลุ่ม opioids เป็นยาลำดับแรกที่นำมารักษาอาการปวดอย่างเฉียบพลัน (acute pain) ในแมว กลไกการออกฤทธิ์ของยาในกลุ่มนี้ คือ ตัวยาจะจับกับตัวรับของ opioid ทั้งที่อยู่ในระบบประสาทรอบนอก (peripheral nervous system) และระบบประสาทส่วนกลาง (central nervous system) ทำให้เซลล์ประสาทรับความรู้สึกถูกยับยั้ง ร่วมกับการเสริมแรงให้กับวิถีการยับยั้งระบบประสาทขาลง (descending inhibitory pathway) ส่งผลทำให้การปวดลดลง แม้ว่ายาในกลุ่ม opioids จะมีฤทธิ์ในการลดปวดที่ดี แต่ผลข้างเคียงจากยาในกลุ่มนี้ก็มีมาก โดยเฉพาะผลข้างเคียงต่อระบบประสาท ระบบหัวใจและหลอดเลือด ดังนั้น การให้ยาลดปวดในแมวจึงมักให้ยาหลายกลุ่มร่วมกัน (multimodal) เพื่อให้ฤทธิ์การลดปวดยังคงคุมการปวดได้ และลดผลข้างเคียงจากยากลุ่มใดกลุ่มหนึ่งลง
ยาในกลุ่ม opioids ที่จับกับตัวรับชนิดมิวเพียงอย่างเดียว (pure µ-opioid receptor agonist) ใช้สำหรับการปวดปานกลางถึงปวดรุนแรง เช่น การผ่าตัดกระดูก การสำรวจช่องท้อง การผ่าตัดกระเพาะปัสสาวะ การผ่าตัดทำหมัน การปวดอันเนื่องจากระบบประสาท การผ่าตัดก้อนเนื้องอกขนาดใหญ่ หรือ การเกิดการปวดจากภาวะตับอ่อนอักเสบ ยาในกลุ่มนี้ ได้แก่
  • morphine ขนาดยา 0.1-0.2 mg/kg ทางการฉีดเข้าหลอดเลือดดำ การฉีดเข้ากล้ามเนื้อ หรือการฉีดเข้าช่องชั้นเหนือดูรา (epidural) โดยมีระยะเวลาการออกฤทธิ์ 6 ชั่วโมงสำหรับการฉีดเข้าหลอดเลือดดำ หรือ การฉีดเข้ากล้ามเนื้อ ส่วนการฉีดเข้าช่องชั้นเหนือดูราสามารถอยู่ได้นานกว่า 12-24 ชั่วโมง ควรมีการดูแลอย่างใกล้ชิดหากฉีดเข้าหลอดเลือดดำ เนื่องจาก morphine สามารถกระตุ้นการหลั่งของ histamine ได้
  • hydromorphone ขนาดยา 0.025-0.1 mg/kg ทางการฉีดเข้าหลอดเลือดดำ หรือ การฉีดเข้ากล้ามเนื้อ โดยมีระยะเวลาการออกฤทธิ์ประมาณ 6 ชั่วโมง
  • meperidine หรือ pethidine ขนาดยา 5-10 mg/kg ทางการฉีดเข้ากล้ามเนื้อ โดยมีระยะเวลาการออกฤทธิ์ 1-2 ชั่วโมง
  • methadone ขนาดยา 0.2-0.6 mg/kg ทางการฉีดเข้าหลอดเลือดดำ การฉีดเข้ากล้ามเนื้อ หรือ ให้ผ่านทางเนื้อเยื่อบุผิวช่องปาก โดยมีระยะเวลาการออกฤทธิ์ 6 ชั่วโมง
  • ลดโอกาสการที่สัตว์เลี้ยงจะถูกยุงกัดโดยหลีกเลี่ยงการให้สัตว์เลี้ยงออกไปนอกบ้านในช่วงเวลาออกหากินของยุง
  • fentanyl ขนาดยา 5 µg/kg ฉีดทางหลอดเลือดดำ (bolus) จากนั้นตามด้วยการฉีดเข้าหลอดเลือดดำด้วยอัตราคงที่ (constant rate infusion) ด้วยอัตรา 3-20 µg/kg/h
ยาในกลุ่ม opioids ที่จับกับตัวรับชนิดมิวเพียงบางส่วน (partial µ-opioid receptor agonist) ใช้สำหรับการปวดน้อยถึงปานกลาง เช่น การผ่าตัดทำหมัน การผ่าตัดก้อนเนื้องอกขนาดเล็ก การเกิดภาวะข้ออักเสบ (osteoarthritis) การส่องกล้อง endoscope ตัวอย่างยาในกลุ่มนี้ ได้แก่
  • buprenorphine
  • - ขนาดยา 0.02-0.04 mg/kg ทางการฉีดเข้าหลอดเลือดดำ การฉีดเข้ากล้ามเนื้อ หรือ ให้ผ่านทางเนื้อเยื่อบุผิวช่องปาก โดยมีระยะเวลาการออกฤทธิ์ 8 ชั่วโมง

    - ขนาดยา 0.24 mg/kg ทางการฉีดเข้าชั้นใต้ผิวหนัง โดยมีระยะเวลาการออกฤทธิ์ 24 ชั่วโมง

ยาในกลุ่ม opioids ที่จับกับตัวรับชนิดมิวและแคปปา (mixed µ-opioid receptor antagonist/k-agonist) ใช้สำหรับการปวดน้อย หรือ เพื่อง่ายต่อการตรวจวินิจฉัยโรค เช่น การตรวจร่างกายแมว การเก็บตัวอย่างปัสสาวะโดยการเจาะผ่านหน้าท้อง (cystocentesis) หรือการเจาะเก็บตัวอย่างก้อนเนื้อด้วยเข็ม (fine-needle aspiration) ตัวอย่างยาในกลุ่มนี้ ได้แก่
  • butorphanol ขนาดยา 0.2-0.4 mg/kg ทางการฉีดเข้าหลอดเลือดดำ หรือ การฉีดเข้ากล้ามเนื้อ โดยมีระยะเวลาการออกฤทธิ์ 1-2 ชั่วโมง
  • ผลอันไม่พึงประสงค์จากการใช้ยาในกลุ่ม opioids ที่พบได้ คือ การคลื่นไส้ อาเจียน ซึม ม่านตาขยาย หัวใจเต้นช้า และ กดการหายใจร่วมกับการมีคาร์บอนไดออกไซด์ในเลือดสูง ควรสังเกตอาการหลังการให้ยาอย่างใกล้ชิด และรักษาตามอาการ

ยาในกลุ่ม non-steroidal anti-inflammatory drugs (NSAIDs) เป็นยาที่ใช้อย่างแพร่หลายในแมว เพื่อลดการปวด การอักเสบ ลดไข้ และสำคัญมากสำหรับการควบคุมอาการปวดหลังจากการผ่าตัด ยาในกลุ่มนี้ได้ผลมากกับการปวดเฉียบพลัน (acute pain) ซึ่งยาในกลุ่มนี้ที่แนะนำในแมว ได้แก่
  • meloxicam
  • - ขนาดยา 0.3 mg/kg ทางการฉีดเข้าใต้ผิวหนัง ฉีดเพียงครั้งเดียว

    - ขนาดยา 0.2 mg/kg ทางการฉีดเข้าใต้ผิวหนัง เพียงครั้งเดียว จากนั้นสามารถตามด้วย ขนาดยา 0.05 mg/kg ทางการกิน ทุก 24 ชั่วโมง ติดต่อกันได้ 4 วัน

    - ขนาดยา 0.1 mg/kg ทางการกินในวันแรก วันถัดมาปรับเป็นขนาดยา 0.05 mg/kg ทางการกิน ทุก 24 ชั่วโมง สามารถให้ทานได้เป็นเวลานานติดต่อกัน

  • carprofen ขนาดยา 4 mg/kg ทางการฉีดเข้าใต้ผิวหนัง เพียงครั้งเดียว
  • ketoprofen
  • - ขนาดยา 2 mg/kg ทางการฉีดเข้าใต้ผิวหนัง ทุก 24 ชั่วโมง สามารถให้ได้นาน 3 วัน

    - ขนาดยา 1 mg/kg ทางการกิน ทุก 24 ชั่วโมง สามารถให้ได้นาน 5 วัน

  • robenacoxib
  • - ขนาดยา 2 mg/kg ทางการฉีดเข้าใต้ผิวหนัง ทุก 24 ชั่วโมง สามารถให้ได้นาน 3 วัน

    - ขนาดยา 1 mg/kg ทางการกิน ทุก 24 ชั่วโมง สามารถให้ได้นาน 6 วัน

  • tolfenamic acid
  • - ขนาดยา 4 mg/kg ทางการฉีดเข้าใต้ผิวหนัง ทุก 24 ชั่วโมง สามารถให้ได้นาน 2 วัน หรือ ฉีดเข้าใต้ผิวหนังในวันแรก วันถัดมาเป็นยากินในขนาดที่เท่ากัน

    - ขนาดยา 4 mg/kg ทางการกิน ทุก 24 ชั่วโมง สามารถให้ได้นาน 3 วัน

ผลอันไม่พึงประสงค์จากการใช้ยาในกลุ่มนี้ จะเกี่ยวข้องกับระบบทางเดินอาหาร การทำงานของตับ การทำงานของไต และการทำงานของเกล็ดเลือด ควรมีการดูแลสุขภาพของแมวอย่างดีตลอดการใช้ยา และหากต้องมีการเปลี่ยนชนิดของยาในกลุ่ม NSAIDs ด้วยกัน หรือ ต้องการเปลี่ยนจากยาในกลุ่ม NSAIDs เป็นยาในกลุ่ม corticosteroids ควรมีระยะเวลาเว้นอย่างน้อย 5 วัน และเนื่องจากยาในกลุ่มนี้เป็นยาที่จับกับโปรตีนในเลือดได้มาก การให้ยาในกลุ่มนี้ร่วมกันกับยาที่มีดัชนีความปลอดภัยต่ำ เช่น warfarin digoxin ยาเคมีบำบัด หรือยาที่จับกับโปรตีนในเลือดได้มากเช่นเดียว เช่น phenobarbital ควรต้องมีการดูแลอย่างใกล้ชิด

    ยาอื่นๆที่นำมาเสริมยาลดการปวดในแมว ได้แก่

  • ยาในกลุ่ม alpha-2 agonists ตัวอย่างยา เช่น xylazine medetomidine dexmedetomidine นิยมใช้สำหรับการเตรียมตัวสัตว์ หรือ การจับบังคับ มีฤทธิ์คลายกล้ามเนื้อ และฤทธิ์ลดปวด แต่มักไม่ใช้เป็นยาเดี่ยว มักเป็นยาหนึ่งในยาหลายตัวของการจัดการความปวด (multimodal) แต่ควรใช้ในแมวที่ไม่มีปัญหาภาวะของหัวใจและหลอดเลือด และยาต้านฤทธิ์ เช่น atipamezole ควรมีเตรียมไว้หากใช้ยาในกลุ่มนี้
  • metamizole (dipyrone) มีฤทธิ์หลักคือ การลดไข้ นิยมใช้เป็นยาในระหว่างการผ่าตัดทำหมันในประเทศแถบอเมริกาใต้ ขนาดยาที่แนะนำในแมว คือ 25 mg/kg ทุก 24 ชั่วโมง หรือ 12.5 mg/kg ทุก 12 ชั่วโมง ทางการฉีดเข้าหลอดเลือดดำ ทางการฉีดเข้ากล้ามเนื้อ หรือ ทางการกิน จากการศึกษาพบว่า การให้ยาชนิดนี้เพียงชนิดเดียว ให้ผลควบคุมการปวดได้ไม่ดีนัก จึงมักต้องให้ร่วมกันกับยาในกลุ่มอื่นร่วมกัน ผลข้างเคียงที่พบได้ คือ การทำให้แมวมีน้ำลายหลั่งมาก (sialorrhoea)
  • gabapentin ออกฤทธิ์โดยการเสริมวิถีการยับยั้งระบบประสาทขาลง (descending inhibitory pathway) เป็นยาที่มีค่าชีวประสิทธิผลสูงในแมว (90-95%) เมื่อได้รับยาขนาด 10 mg/kg ทางการกิน ระดับยาสูงสุดในเลือดใช้เวลา 45 นาที – 2 ชั่วโมง ค่าครึ่งชีวิตประมาณ 3-4 ชั่วโมง มีการศึกษาพบว่า การให้ gabapentin ร่วมกับ buprenorphine ในแมวที่ทำการผ่าตัดทำหมัน พบว่าสามารถควบคุมการปวดได้ไม่แตกต่างกับ การใช้ยา meloxicam ร่วมกับ buprenorphine นอกจากนี้ gabapentin ยังสามารถใช้ลดความเครียดของแมวระหว่างการจับบังคับ หรือ เคลื่อนย้ายสัตว์
  • ketamine เป็นยาที่ไว้สงวนไว้ใช้หากเกิดอาการปวดระหว่างการผ่าตัด ขนาดที่แนะนำคือ 0.15-0.3 mg/kg ทางการฉีดเข้าหลอดเลือดดำ ซึ่งเป็นขนาด loading dose จากนั้นตามด้วยอัตราคงที่ (constant rate infusion) ด้วยอัตรา 2-10 µg/kg/min
  • tramadol มักใช้เป็นยาหนึ่งในยาหลายตัวเพื่อหวังผลในการลดปวด (multimodal) ในขนาดยา 4 mg/kg ทางการกิน ทุก 6 ชั่วใมง หรือ ขนาดยา 2-4 mg/kg ทางการฉีดเข้ากล้ามเนื้อ แต่อย่างไรก็ตามฤทธิ์การลดปวดของ tramadol ในแมวได้ผลไม่ดีนัก ทั้งยังมีความเสี่ยงจากความเป็นพิษจาก serotonin อาการได้แก่ กล้ามเนื้อสั่น หัวใจเต้นเร็ว หายใจเร็ว มีไข้ กระวนกระวาย เมื่อให้ร่วมกันกับยาในกลุ่ม serotonin inhibitors (fluoxetine และ trazodone) หรือ ยาในกลุ่ม monoamine oxidase inhibitors (selegiline) เนื่องจาก tramadol นอกจากมีฤทธิ์ลดปวดผ่านตัวรับ opioid (opioid receptor) แล้วยังมีฤทธิ์ในการยับยั้งการเก็บกลับของ serotonin และ noradrenaline (serotonin and noradrenaline reuptake inhibitor action) ในระบบประสาทส่วนกลางด้วย

อ้างอิง

Gruen, M. E., Lascelles, B. D. X., Colleran, E., Gottlieb, A., Johnson, J., Lotsikas, P., ... & Wright, B. (2022). 2022 AAHA Pain Management Guidelines for Dogs and Cats. Journal of the American Animal Hospital Association, 58(2), 55-76.

Gunn-Moore, D. (2010). NSAIDs and Cats—it's been a Long Journey. Journal of feline medicine and surgery, 12(7), 519-519.

Steagall, P. V., Robertson, S., Simon, B., Warne, L. N., Shilo-Benjamini, Y., & Taylor, S. (2022). 2022 ISFM Consensus Guidelines on the Management of Acute Pain in Cats. Journal of Feline Medicine and Surgery, 24(1), 4-30.